โดยทั่วไปปัญหาริมฝีปากแห้งแตกมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว หรือเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศหนาวหรือแห้ง แต่ความจริงแล้วมีหลายสาเหตุที่ทำให้ริมฝีปากของเราแห้งค่ะ ในบางครั้งร่างกายอาจส่งสัญญาณเตือนบางอย่างเพื่อต้องการบอกให้คุณทราบเป็นนัย ๆ ว่าสุขภาพของคุณกำลังมีปัญหา ซึ่งบางคนอาจไม่ทันสังเกตหรือระวังตัว ทำให้ปัญหาลุกลามได้ในที่สุด ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีสาเหตุใดอีกบ้างที่ทำให้ริมฝีปากของคุณแห้งแตก
1.ติดเชื้อยีสต์
การที่ริมฝีปากของคุณแห้งแตกนั้นอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อยีสต์ โดยเฉพาะหากรอยแตกเกิดขึ้นที่มุมของริมฝีปาก ความจริงแล้วเราทุกคนต่างก็มียีสต์ที่ผิว แต่หากมียีสต์มากเกินไป ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ยีสต์สามารถเติบโตภายในน้ำลายที่อุ่นและชื้น ซึ่งวิธีการรักษาริมฝีปากแห้งที่เกิดจากยีสต์ที่ดีที่สุดคือ การดื่มน้ำ และการควบคุมตัวเองไม่ให้เลียริมฝีปาก

2.อาการแพ้
หากคุณสังเกตว่าริมฝีปากของตัวเองทั้งแห้งและดูบวมเหมือนกับเพิ่งฉีดฟิลเลอร์ ก็อาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณกำลังแพ้บางสิ่งค่ะ ตัวอย่างเช่น การแพ้ผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์ ขี้ผึ้ง หรือน้ำมันละหุ่ง หรืออาจเกิดจากการแพ้อาหารบางชนิด เป็นต้น อย่างไรก็ดี ให้คุณจดชื่ออาหารที่กำลังทานหรือผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังใช้ และลองพิจารณาว่าเกิดจากอะไร จากนั้นให้ลองปรับเปลี่ยนจนกว่าจะเจอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคุณ
3.ร่างกายขาดน้ำ
หากคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะส่งสัญญาณเตือนให้คุณทราบ เช่น การมีริมฝีปากแห้ง ภายในช่องปากแห้ง ผิวแห้ง หรือแม้แต่ตาแห้ง ซึ่งคุณสามารถป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำโดยดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-12 แก้วต่อวัน หากคุณเป็นโรคเบาหวานหรือเป็นนักกีฬา ก็อาจต้องดื่มน้ำมากกว่าปกติ
4.ได้รับวิตามินไม่เพียงพอ
วิตามินบีมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของร่างกาย โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงาน การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการรักษาผิวให้มีสุขภาพดี หากได้รับวิตามินบีไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ โดยรวมถึงปัญหาริมฝีปากแห้ง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเติมวิตามินบีให้ร่างกายโดยทานไข่และเนื้อสัตว์ปลอดมัน
5.ยา
หากคุณกำลังอยู่ในช่วงทานยาเพื่อรักษาภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ สิว หรือความดันโลหิตสูง คุณก็อาจแพ้ยาที่ช่วยรักษาภาวะดังกล่าว ทำให้คุณมีอาการปากแห้งและบวม ในกรณีนี้คุณอาจต้องแจ้งแพทย์ว่ายาเหล่านี้อาจเป็นต้นเหตุของอาการข้างต้นเพื่อที่แพทย์จะได้ปรับเปลี่ยนยา

6.หายใจทางปาก
โดยปกติร่างกายของเราถูกออกแบบให้หายใจผ่านทางจมูก แต่บางคนอาจนอนหายใจทางปาก ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ทำให้น้ำลายหยดใส่หมอนเท่านั้น แต่ยังทำให้ปากแห้งอีกด้วย หากเป็นไปได้ให้คุณพยายามหายใจผ่านทางจมูกและปิดปากขณะนอน
7.ทานอาหารที่มีไขมันชนิดดีต่อสุขภาพไม่เพียงพอ
ร่างกายของคุณผลิตซีบัม หรือสารหล่อลื่นตามธรรมชาติจากกรดไขมัน หากคุณทานอาหารที่มีกรดไขมันชนิดดีไม่เพียงพอ สารดังกล่าวก็จะมีน้อยลงตามไปด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมปากแห้งกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม ไขมันที่คุณเลือกทานนั้นควรเป็นไขมันชนิดดี ซึ่งสามารถพบได้ในอาหารบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว วอลนัท น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ปลาทะเล ฯลฯ
การมีริมฝีปากแห้งแตกอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็สามารถทำให้คุณรู้สึกเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายที่ริมฝีปาก เมื่อรู้แล้วว่าสาเหตุที่เป็นไปได้ของอาการดังกล่าวมีอะไรบ้าง คราวนี้คุณก็จะได้หาทางรับมืออย่างเหมาะสม แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นแม้ว่าได้ลองใช้วิธีที่เราแนะนำไปข้างต้น คุณก็ควรไปพบแพทย์ค่ะ
อ้างอิงจาก
- https://www.bustle.com/articles/133706-7-ways-chapped-lips-could-be-a-sign-of-something-else
- https://commonsensehome.com/chapped-lips/