รวม 8 นิสัยที่ยิ่งทำให้คุณยิ่งเครียด
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความรับผิดชอบก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว จึงไม่แปลกที่หลายคนมีอาการเครียดหรือวิตกกังวลกับเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องงาน สถานะทางการเงิน หรือครอบครัว อย่างไรก็ตาม นิสัยบางอย่างก็สามารถทำให้คุณวิตกกังวลได้ไม่แพ้กัน ซึ่งความกลัวหรือความรู้สึกไม่ปลอดภัยอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ค่ะ เราลองมาเช็คพร้อมกันเลยดีกว่าว่ามีนิสัยอะไรบ้างที่ควรเลิกได้แล้ว
1.ต้องการควบคุมทุกอย่าง
หากคุณเป็นคนที่ชอบบงการ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัว หรือความสัมพันธ์ ก็จะทำให้คุณเป็นคนที่เครียดง่ายและวิตกกังวลเกินเหตุ
การยอมรับว่าไม่มีใครที่สามารถควบคุมได้ทุกสิ่งทุกอย่าง การหัดมอบหมายงาน และการหัดเชื่อใจคนอื่น
ก็อาจช่วยคลายความรู้สึกไม่สบายใจและความวิตกกังวลได้ค่ะ
2.พยายามทำให้ทุกคนพอใจ
การต้องคอยทำให้คนรอบข้างพอใจอยู่เสมออาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยในบางครั้ง
โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับคนอื่นจนลืมคิดถึงตัวเอง หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป
สุดท้ายคุณก็จะไม่มีความสุข ดังนั้นอย่าลืมให้ความสำคัญกับความต้องการของตัวเองก่อนที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้คนอื่น
3.นอนน้อยเกินไป
การนอนน้อยกว่า
7-8
ชั่วโมงต่อคืน อาจทำให้คุณอารมณ์ไม่ดี อ่อนเพลีย และวิตกกังวลในวันถัดไป
นอกจากการนอนให้เพียงพอแล้ว ก็ควรพยายามจัดตารางนอนให้ได้เวลาเดิม และปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนเข้านอนทุกครั้ง
4.ติดคาเฟอีน
แม้ว่ากาแฟมีสารหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย...
ชะวากทะเลคืออะไร
เมื่อเอ่ยถึงทะเลหลาย ๆ คนคงจะจินตนาการถึงท้องทะเลสีฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตา
มีชายหาดเป็นทรายละเอียดแสนสวย ลมพัดเย็น ๆ จนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ก็อยากไป
แต่ถ้าเอ่ยถึงชะวากทะเลน้อยคนนักที่รู้จักรู้จักคำนี้ ยังไงเพื่อเป็นการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมลองมาทำความรู้จักกับชะวากทะเลกันหน่อยไหม
ชะวากทะเลคืออะไร
“ชะวากทะเล”เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติตั้งอยู่บริเวณส่วนล่างของปากแม่น้ำ
หรือจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของปากแม่น้ำเลยก็ได้ ซึ่งตรงนี้จะเป็นส่วนที่น้ำจืดจากแม่น้ำและน้ำเค็มจากทะเลไหลมาบรรจบกัน
ชะวากทะเลจะเป็นพื้นที่ ที่มีลักษณะกว้างมากจนคล้าย ๆ จะเป็นอ่าว ส่วนตอนบนจะตอบแหลมเป็นรูปกรวยและจะค่อย
ๆ ขยายขนาดออกไปเมื่อเข้าหาส่วนที่เป็นทะเลมากขึ้น โดยเกิดจากพื้นที่บริเวณปากแม่น้ำยุบตัวลงไปสู่แนวชายฝั่งทะเล
จึงทำให้ได้รับอิทธิพลของน้ำทะเลด้วย สำหรับพื้นที่ชะวากทะเลในประเทศไทยก็ได้แก่ บริเวณปากแม่น้ำกระบุรีจังหวัดระนอง,
บริเวณปากแม่น้ำเวฬุ
จังหวัดจันทบุรี หรือที่ปากแม่น้ำชุมพร จังหวัดชุมพร
สำหรับในต่างประเทศก็อย่างเช่นอ่าวเชซาพีค ทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศสหรัฐเอมริกาเป็นต้น
เนื่องจากชะวากทะเลเป็นส่วนหนึ่งของบริเวณชายฝั่งทะเลที่มีแม่น้ำลำธารไหลผ่านและเชื่อมต่อลงสู่ทะเล
พื้นที่ตรงนี้จึงเป็นบริเวณรอยต่อระหว่างสภาพแวดล้อมแบบน้ำและแบบทะเล จึงได้รับอิทธิพลของทะเลด้วยไม่ว่าจะเป็นน้ำขึ้นน้ำลงหรือว่าคลื่นและการไหลเวียนของทะเล
จึงทำให้ตรงนี้มีการตกตะกอนและประกอบไปด้วยธาตุอาหารสำคัญจำนวนมากจึงเหมาะสมกับการเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอีกด้วย
สำหรับชะวากทะเลที่พบในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นทะเลในช่วง 10,000
– 12,000 ปีที่ผ่านมา...
แนะนำ 7 วิธีป้องกันกรดไหลย้อนตอนกลางคืน
ภาวะกรดไหลย้อนสามารถเล่นงานเราได้ทุกเวลา
แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เผชิญกับปัญหานี้ตอนกลางคืน
ซึ่งจะยิ่งไปซ้ำเติมคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนให้แย่ลงไปอีก ทั้งนี้ภาวะกรดไหลย้อนเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารผิดปกติ
ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนไปทางหลอดอาหารและช่องปากได้ในที่สุด ซึ่งผู้ป่วยจะรู้สึกแสบร้อนหรือระคายเคือง
และอาการนี้มักเกิดขึ้นร่วมกับอาการเจ็บหน้าอกและกลืนอาหารลำบาก อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าภาวะกรดไหลย้อนส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรุนแรงและไม่ได้ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระดับที่น่าเป็นห่วง
แต่เราก็ควรหาวิธีป้องกันไว้ก่อนค่ะ
เพราะภาวะนี้สามารถส่งผลต่อการนอนและคุณภาพชีวิตของคุณได้
สำหรับวิธีป้องกันภาวะกรดไหลย้อนที่เกิดขึ้นเวลากลางคืนมีดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการทานอาหารก่อนเข้านอน
การทานอาหารก่อนเข้านอนอาจทำให้คุณรู้สึกอิ่มท้องและพร้อมสำหรับเข้านอน
แต่พฤติกรรมดังกล่าวกลับทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม
วิธีแก้ปัญหาคือ ไม่ทานอาหารแบบจัดเต็มเกินไปในช่วง 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
การทำเช่นนี้จะสามารถควบคุมการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารก่อนเข้านอนได้
2.จำกัดการทานอาหารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
อาหารที่ทำให้กรดในร่างกายเพิ่มขึ้นสามารถทำให้อาการกรดไหลย้อนที่เกิดขึ้นตอนกลางคืนแย่ลง
ดังนั้นพยายามจำกัดการทานอาหารที่มีความเป็นกรด โดยเฉพาะตอนทานอาหารค่ำ เช่น
มะเขือเทศ คาเฟอีน อาหารเนื้อตัดเย็น อาหารทอด อาหารเผ็ด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3.ยกหัวเตียงให้สูงขึ้น
หนึ่งในวิธีป้องกันการเกิดกรดไหลย้อนตอนกลางคืนที่ดีที่สุดคือ
การยกหัวเตียงให้สูงขึ้นเล็กน้อยค่ะ โดยอาจใช้หมอนมาช่วยหนุน ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้กระเพาะอาหารและลำคออยู่ที่ความสูงเดียวกัน
จึงช่วยควบคุมกรดในกระเพาะอาหารไม่ให้ไหลย้อนขึ้นมาทางลำคอได้นั่นเอง
4.ลดน้ำหนัก
คนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานและเป็นโรคอ้วนจำเป็นต้องลดน้ำหนักเพื่อควบคุมอาการกรดไหลย้อน
เพราะว่าการมีไขมันสะสมบริเวณรอบเอวจะทำให้การบีบอัดบริเวณกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น และกรดในกระเพาะอาหารจะไหลย้อนกลับไปทางหลอดอาหาร
เมื่อน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม นอกจากปัญหากรดไหลย้อนจะบรรเทาลงแล้ว
สุขภาพโดยรวมก็จะดีขึ้นอีกด้วย
5.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์
บุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้อาการกรดไหลย้อนแย่ลง
ทั้งนี้การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำให้คุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารเพิ่มขึ้นเท่านั้น
แต่ยังกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากขึ้น
และทำให้กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารทำงานได้แย่ลง ในขณะที่การดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น
ๆ สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการของภาวะกรดไหลย้อน หากคุณเป็นทั้งสิงห์อมควันและนักดื่มตัวยง
ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกรดไหลย้อนก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
6.สวมเสื้อผ้าที่หลวม
การใส่ชุดนอนที่หลวมไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณพลิกตัวหรือนอนหลับได้สบายมากขึ้นเท่านั้น
แต่ยังมีผลต่ออาการของภาวะกรดไหลย้อนอีกด้วย ทั้งนี้การใส่ชุดนอนที่รัดแน่นจนเกินไปสามารถทำให้เกิดแรงกดภายในท้อง
ส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับมายังหลอดอาหารได้ในที่สุด ดังนั้นการใส่ชุดนอนที่หลวม
และทำให้รู้สึกสบายตอนสวมใส่จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
7.ควบคุมความเครียด
การจัดการกับความเครียดได้อย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการกรดไหลย้อนตอนกลางคืนเท่านั้น...
หายจากหวัดเร็วขึ้นด้วย 8 วิธีที่ทำตามได้ไม่ยาก
“โรคหวัด” เป็นโรคติดต่อที่พบได้ทั่วไป และมีไวรัสเป็นตัวการ แม้ว่าโรคนี้ไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญใจให้ผู้ป่วยได้ไม่น้อย ซึ่งอาการหลัก ๆ ที่พบได้ทั่วไป เช่น อาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ เจ็บคอ คอแห้ง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาการต่าง ๆ สามารถหายได้เอง แต่ความจริงแล้วมีหลายวิธีที่สามารถช่วยให้คุณหายจากหวัดได้เร็วขึ้นค่ะ ใครที่กำลังเจอหวัดเล่นงานอยู่ ลองมาอ่านวิธีที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นพร้อมกันเลยดีกว่า
1.ใช้อุปกรณ์เสริมช่วยในการหายใจ
ใครที่รู้ตัวว่ามีอาการคัดจมูก
การใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ หรือ...
6 สัญญาณที่บอกว่าคุณยังดูแลตัวเองได้ไม่ดีพอ
ในยุคที่เราต้องแข่งขันกับเวลาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน ทำให้หลายคนทุ่มเทให้กับสิ่งเหล่านี้จนลืมที่จะดูแลสุขภาพของตัวเอง ซึ่งทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตก็ล้วนแต่สำคัญต่อเราทั้งนั้นค่ะ หากมีอันใดอันหนึ่งที่แย่ แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณไม่มากก็น้อย เราลองมาเช็คพร้อมกันดีกว่าว่ามีสัญญาณอะไรบ้างที่บอกเป็นนัย ๆ ว่าคุณยังดูแลตัวเองไม่ดีพอ
1.ป่วยบ่อย
การที่คุณเป็นหวัดหรือติดเชื้อไวรัสบ่อยครั้งมักเกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานได้ไม่ดี
อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ตัวอย่างเช่น ความเครียด การทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ
การไม่ได้ออกกำลังกาย และการสูบบุหรี่ เป็นต้น นอกจากนี้การมีระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงไม่เพียงแต่ทำให้คุณเป็นโรคต่าง
ๆ ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ช้าลงอีกด้วย
2.รู้สึกเหนื่อย
มีหลายเหตุผลที่ทำให้คุณอาจรู้สึกเหนื่อยอยู่เสมอ
ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คุณมีอาการดังกล่าวก็คือ การเป็นโรคนอนไม่หลับ
หรือการที่คุณนอนไม่ถึง 7-8 ชั่วโมงต่อคืน อย่างไรก็ดี คุณไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะการนอนไม่เพียงพอมีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
เช่น หัวใจมีปัญหา...
ไอโอดีน คืออะไร ร่างการขาดได้หรือไม่
ภาวะขาดไอโอดีนทำให้ผมร่วงจริงหรือ?
ไอโอดีนมีผลต่อเส้นผมจริงๆ หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มักเห็นกองเส้นผมของตัวเองในห้องน้ำ เห็นผมติดอยู่ที่หวีมากกว่าปกติ ผมบางลงจนน่าตกใจ หรือแม้แต่เห็นหัวล้านเป็นหย่อม ๆ หนึ่งในสาเหตุที่เป็นไปได้ก็คือ ภาวะขาดไอโอดีนนั่นเองค่ะ วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับภาวะนี้ให้มากขึ้นพร้อมกับแนะนำอาหารเสริมไอโอดีน แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้น เราลองมาทำความรู้จักกับธาตุไอโอดีนกันก่อนดีกว่า
ไอโอดีนคืออะไร?
ไอโอดีนเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย และสามารถพบได้ในเกลือ
ประเด็นสำคัญ คือ ร่างกายของเราจะไม่สามารถผลิตไอโอดีนได้เอง ทั้งนี้ไอโอดีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการผลิตไทรอยด์ฮอร์โมน
ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมน้ำหนัก รักษาความอบอุ่นของร่างกาย และทำหน้าที่อื่น ๆ
หนึ่งในนั้นก็คือ การรักษาเส้นผมของคุณให้มีสุขภาพดี
ไทรอยด์ฮอร์โมนมีส่วนช่วยสร้างต่อมผม (Hair follicles) หากร่างกายไม่ได้รับไอโอดีนอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้มีไทรอยด์ฮอร์โมนน้อยกว่าปกติ...
ประโยชน์ของใบเตย พืชสมุนไพรที่ไม่ควรมองข้าม
ใบเตยเป็นพืชสมุนไพรประจำบ้านที่น่าปลูกไว้ที่สุด เพราะใบเตยมีประโยชน์หลายอย่าง
แถมยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย หากบ้านไหนมีบริเวณบ้านมากจึงควรปลูกอย่างยิ่ง
หรือหากมีพื้นที่จำกัดจะซื้อมาทำน้ำใบเตยดื่มก็ยังดี ส่วนลักษณะและประโยชน์ของใบเตยจะมีอะไรบ้างเราได้นำมาฝากคุณแล้ว
ลักษณะของใบเตย
ใบเตยจัดเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ลำต้นเป็นข้อ ใบยาวเรียวแหลมสีเขียวอ่อน
ใบออกเป็นพุ่ม ภายในจะมีน้ำมันหอมระเหยที่เป็นลักษณะเฉพาะเมื่อเข้าใกล้จึงมีกลิ่นหอมมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้คนโบราณจึงนำเอาใบเตยมาทำขนมหรือทำเป็นน้ำใบเตยดื่มเพื่อให้ชุ่มคอแก้กระหายน้ำ
ประโยชน์ของใบเตย
ใบเตยมีประโยชน์มากมายหลายอย่างดังที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งได้แก่
1. ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียดับกระหายคลายร้อน
เพียงคุณดื่มน้ำใบเตยวันละ 2 แก้วเช้าและกลางวันมันจะทำให้คุณหายจากอาการอ่อนเพลียได้อย่างปลิดทิ้ง
อีกทั้งยังช่วยลดความกระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดี เพราะใบเตยมีกลิ่นหอมเย็นเมื่อดื่มแล้วจึงสดชื่นเกิดอาการผ่อนคลาย
2. ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย
สำหรับใครที่มีธาตุเจ้าเรือนเป็นธาตุไฟการรับประทานน้ำใบเตยหรือขนมที่มีส่วนผสมจากใบเตยจะช่วยทำให้คุณมีความรู้สึกสบายและสดชื่นได้
3. ช่วยบำรุงหัวใจช่วยลดความดันโลหิต
ใบเตยสามารถที่จะบำรุงหัวใจและหลอดเลือดได้ ยิ่งหากเป็นโรคความดันโลหิตสูงการดื่มน้ำใบเตยเช้าและเย็นจะช่วยให้ความดันของคุณลดกลับมาอยู่ที่เกณฑ์ปกติได้
4. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน
ใบเตยช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งจากตำราไทยให้นำใบเตย 32
ใบ
ใบของต้นสัก 9 ใบ นำมาสับแล้วตากแดดไว้จากนั้นนำมาชงเป็นชาดื่มอย่างน้อย 1 เดือน
หรือหากเป็นรากก็ประมาณ 1 กำมือแล้วมาต้มดื่มเช้า-เย็นทำแบบนี้อาการเบาหวานจะดีขึ้น
5.ช่วยรักษาโรคหัด
หากคุณกำลังเป็นหัด...
เผยเคล็ด(ไม่)ลับฉีดน้ำหอมให้ติดทนไปทั้งวัน
การมีกลิ่นกายที่หอมถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยที่สามารถทำให้คุณมีกลิ่นหอมได้แบบเร่งด่วนก็คือ น้ำหอม
อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ใช้น้ำหอมอาจเคยเจอปัญหาน้ำหอมไม่ติดทนหรือกลิ่นเลือนในระหว่างวัน
หากคุณกำลังเจอกับปัญหานี้ก็อย่าเพิ่งนอยด์ไปก่อนค่ะ
ลองมาดูหลากเทคนิคที่จะช่วยให้คุณมีกลิ่นกายที่หอมตลอดวันพร้อมกันเลยดีกว่า
ขั้นตอนที่ 1: เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
น้ำหอมจะยิ่งติดทนนานขึ้นเมื่อผิวของเรามัน ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนผิวแห้ง ก็ควรทามอยส์เจอไรเซอร์แบบที่ไม่มีกลิ่นก่อนฉีดน้ำหอม ทั้งนี้การทาโลชั่นที่มีกลิ่นเดียวกับน้ำหอมจะยิ่งทำให้กลิ่นติดทนนานขึ้นค่ะ
ขั้นตอนที่ 2: รู้ตำแหน่งการฉีดน้ำหอม
ความร้อนของร่างกายจะทำให้น้ำหอมปล่อยกลิ่นออกมา
ถ้าอยากให้กลิ่นเด่นชัดและติดทนนานขึ้น ให้คุณเน้นฉีดน้ำหอมบริเวณที่มีชีพจร
ซึ่งเป็นบริเวณที่อุ่น เพราะมีการสูบฉีดเลือดใกล้กับผิวบริเวณนี้
สำหรับบริเวณที่เหมาะแก่การฉีดน้ำหอม เช่น ข้อมือ ด้านหลังหู
ด้านข้างคอ หลังหัวเข่า และด้านหลังข้อศอก คุณอาจเลือกฉีดน้ำหอมที่บริเวณนี้ และอย่าเผลอฉีดหนักมือจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในข้อผิดพลาดที่หลายคนน่าจะเคยทำก็คือ
การถูข้อมือเข้าหากันหลังจากฉีดน้ำหอม ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้โมเลกุลของน้ำหอมเสียหายและทำให้กลิ่นเปลี่ยนไป
ทั้งนี้ให้คุณใช้วิธีกดข้อมือเข้าหากันอย่างเบามือแทนค่ะ
ขั้นตอนที่ 3: ฉีดน้ำหอมที่เส้นผม
แม้ว่าคุณไม่ควรฉีดน้ำหอมที่เส้นผมโดยตรง เพราะว่าแอลกอฮอล์จะทำให้ผมแห้งกร้าน
แต่คุณสามารถฉีดน้ำหอมที่หวีได้ค่ะ...
สายดื่มต้องอ่าน….ทำอย่างไรไม่ให้เมาค้าง?
เวลาไปงานสังสรรค์ หรืองานรื่นเริงต่าง ๆ แน่นอนว่าเครื่องดื่มที่จะขาดในงานไม่ได้เลยก็คือ
เหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สารพัดชนิด อย่างไรก็ตาม เชื่อได้เลยว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ตื่นมาพร้อมกับอาการเมาค้างในเช้าวันถัดไปหลังจากที่ดื่มเหล้าแบบไม่ทันยั้งมือ
สำหรับอาการต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย
หรือปวดศีรษะ ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถทำให้คุณรู้สึกแย่ไปเกือบทั้งวัน ดังนั้นเราลองมาดูวิธีป้องกัน
และบรรเทาอาการเมาค้างพร้อมกันเลยดีกว่า
1.จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
ความรุนแรงของอาการเมาค้างขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่คุณดื่ม
นอกจากนี้น้ำหนักตัว เพศ เวลาที่คุณดื่มแอลกอฮอล์ล่าสุด ชนิดของแอลกอฮอล์
และระยะเวลาในการดื่ม ก็สามารถส่งผลต่อปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเช่นกัน
ทั้งนี้มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ทำการติดตามคนวัยหนุ่มสาวที่ไปท่องเที่ยวจำนวน 112 คน พบว่า คนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมีอาการเมาค้างรุนแรงกว่าคนอื่น
ๆ ซึ่งคนที่ดื่มหนักกว่า...
ประวัติ NIKE แบรนด์ยอดนิยมของโลก
หากถามเกี่ยวกับแบรนด์อุปกรณ์กีฬาชื่อดังของโลก “Nike” น่าจะมีคนคิดถึงเป็นแบรนด์ต้น ๆ ด้วยเป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกาที่มีประวัติความเป็นมายาวนานพร้อมด้วยโลโก้เท่
ๆ อย่างSwoosh หรือรูปตัวอักษรเช็กถูกที่ใคร ๆ ก็ต่างคุ้นชิน ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า
กระเป๋า เสื้อ กางเกง หมวก Nike ต่างเข้าไปคลองใจทุกคนมาอย่างช้านาน แล้วทุกคนอยากรู้ไหมว่าทำไม
Nike จึงสามารถเติบโตเป็นแบรนด์กีฬาอันดับ 1 ของโลก
ที่มีมูลค่ากว่า 29.6 พันล้านเหรียญฯ ได้ อีกทั้งยังมีมูลค่าของแบรนด์เป็นอับดับที่ 18
ของโลกอีก
ลองมาทำความรู้จักแบรนด์...